วันเสาร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ศิลปินสมัยฟื้นฟูวิทยาการ




เลโอนาร์โด ดา วินชี (Leonardo da Vinci)



เป็นชาวอิตาลี (เกิดที่เมืองวินชี วันที่ 15 เมษายน ค.ศ. 1452 - เสียชีวิตที่เมืองออมบัวซ์ ในวันที่ 2 พฤษภาคม ค.ศ. 1519) เป็นอัจฉริยบุคคลที่มีความสามารถหลากหลาย เป็นทั้ง สถาปนิกแบบเรอเนซองส์ นักดนตรี นักกายวิภาค นักประดิษฐ์ วิศวกร ประติมากร นักเรขาคณิต นักวาดภาพ. ดา วินชี มีงานศิลปะที่มีชื่อเสียงหลายชิ้น เช่น พระกระยาหารมื้อสุดท้าย และ โมนา ลิซ่า งานของ ดา วินชี ยังสร้างคุณประโยชน์กับวิชากายวิภาคศาสตร์ าราศาสตร์ รวมถึงวิศวกรรมโยธา ด้วยความที่เป็นบุรุษที่มีจิตวิญญาณที่รักในศาสตร์หลายแขนง เลโอนาร์โดทำให้เกิดจิตวิญญาณของสหวิทยาการในสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาการ และกลายเป็นบุคคลสำคัญของยุคนั้น เลโอนาร์โด เกิดเมื่อวันที่ 15 เมษายน โดยที่ที่เขาเกิดอยู่ห่างจากหมู่บ้านวินชี ในประเทศอิตาลี ไปราวสองกิโลเมตร บิดาชื่อนายแซร์ ปีเอโร ดา วินชี เป็นเจ้าพนักงานรับรองเอกสารของรัฐ มารดาชื่อคาตารีนา เป็นสาวชาวนา เคยมีคนอ้างว่านางคาตารีนาเป็นทาสสาวจากประเทศแถบตะวันออกในครอบครองของปีเอโร แต่ก็ไม่มีหลักฐานเด่นชัด ในสมัยนั้นยังไม่มีมาตรฐานการเรียกชื่อและนามสกุลที่เป็นที่ยอมรับกันอย่างแพร่หลายในทวีปยุโรป ทำให้ชื่อและนามสกุลของดา วินชี ที่แท้จริงคือ เลโอนาร์โด ดิ แซร์ ปีเอโร ดา วินชี ซึ่งหมายความว่า เลโอนาร์โด บุตรชายของปีเอโร แห่ง วินชี แต่เลโอนาร์โดเองก็มักจะลงลายเซ็นในงานของเขาอย่างง่ายๆว่า เลโอนาร์โด หรือไม่ก็ ข้าเอง เลโอนาร์โด เอกสารสำคัญส่วนใหญ่ระบุว่าผลงานของเขาเป็นของ เลโอนาร์โด โดยไม่มี ดา วินชี พ่วงท้าย ทำให้เข้าใจได้ว่าเขาไม่ได้ใช้นามสกุลของบิดาเนื่องจากเป็นบุตรนอกสมรสนั่นเอง






ราฟาเอล (Raffaello Sanzio)


(อิตาลี: Raffaello Sanzio, อังกฤษ: Raphael, พ.ศ. 2026-2063) มีชื่อเต็มว่า “ราฟาเอลโล ซันซิโอ” เป็นจิตรกรชาวอิตาลีที่มีอาวุโสน้อยที่สุดในบรรดาจิตรกรผู้ยิ่งใหญ่ในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา โดยมีอายุน้อยกว่าเลโอนาร์โด ดา วินชี 31 ปีและอ่อนกว่ามีเกลันเจโล บัวนาร์โรตี 8 ปี เมื่อ พ.ศ. 2051 ราฟาเอลได้เดินทางไปยังเมืองฟลอเรนซ์เพื่อศึกษางานของเลโอนาร์โด ดา วินชีและของ มีเกลันเจโล ต่อมาในปี พ.ศ. 2055 ได้ไปอยู่ที่กรุงโรมและพากเพียรเขียนภาพเพื่อให้ทัดเทียมกับศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองท่านที่เขายกย่อง ราฟาเอลได้เขียนจิตรกรรมฝาผนังหลายชิ้นในนครวาติกัน ซึ่งถือกันว่าเป็นผลงานขั้นสูงสุดในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาที่สามารถรวมเอาความสงบนิ่งไว้กับความสมดุลได้อย่างกลมกลืน ราฟาเอลได้รับการแต่งตั้งเป็นสถาปนิกผู้รับผิดชอบในการก่อสร้างมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ในปี พ.ศ. 2057 และมีส่วนในการวางผังเมืองกรุงโรม งานจิตรกรรมของราฟาเอลในระยะหลังมีความเรียบง่ายและมีความใหญ่โตมากขึ้น แต่ยังคงรักษาความมีชีวิตชีวาของงานยุคต้นของตนเองไว้ได้ งานของราฟาเอลที่แสดงถึงความงามของผู้หญิงนับได้ว่าเป็นผลงานที่มีอิทธิพลต่อศิลปินกลุ่ม สถาปัตยกรรมฟื้นฟูกรีกโรมัน (Neo-Classical architecture) เป็นอย่างมาก ราฟาเอลมีความใกล้ชิดสนิทสนมกับเจ้าผู้ครองนครและพระสันตปาปามากในช่วงปลายของชีวิต น่าเสียดายที่ราฟาเอลเสียชีวิตด้วยวัยเพียง 37 ปี ศพของราฟาเอลได้รับการฝังไว้ที่มหาวิหารแพนเธอนอนในกรุงโรมโดยพระบัญชาของพระสันตะปาปาปาลีโอที่ 10 ราฟาเอลมีชีวิตอยู่ตรงกับรัชสมัยระหว่างสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถและสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2แห่งสมัยกรุงศรีอยุธยา



มีเกลันเจโล หรือชื่อเต็มว่า มีเกลันเจโล ดี โลโดวีโก บัวนาร์โรตี ซีโมนี (Michelangelo di Lodovico Buonarroti Simoni)

เป็นจิตรกร สถาปนิก และประติมากรชื่อดังชาวอิตาลีศิลปินที่เข้าถึง 3 ศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ของโลก เขาไม่เป็นเพียงผู้ที่เข้าถึงแต่เพียงศาสตร์ด้านวิจิตรศิลป์ แต่เขายังเข้าถึงความยิ่งใหญ่ของสถาปัตยกรรม และประติมากรรมอีกด้วย เกิดเมื่อวันที่ 6 มีนาคม 1475 และเติบโตที่เมืองฟลอเรนซ์ ภายหลังเป็นผู้สร้างประติมากรรมหินอ่อนชื่อกระฉ่อนโลกนามว่า เดวิด (David)
หลังจากที่ไปอยู่ที่
กรุงโรมเมื่ออายุ 21 ปี และใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นถึง 5 ปี มีเกลันเจโล สร้างประติมากรรมรูปเดวิด ตอนอายุ 26 ปี จากหินอ่อนก้อนมหึมาที่ถูกทิ้งไว้กลางเมืองฟลอเรนซ์เป็นเวลาหลายปี จึงกลายเป็นที่ฮือฮาของชาวเมือง ด้วยเหตุผลที่ว่า ไม่มีใครกล้าพอที่จะแตะต้องมันนั่นเอง ความสำเร็จหลังจากงานชิ้นนี้ ทำให้ชื่อเสียงของเขาโด่งดังไปทั่วอิตาลี มีเกลันเจโลเดิมทีเป็นคนที่เกลียด เลโอนาโด ดาวินชี ถึงแม้ว่าทั้งคู่จะมีอายุห่างกันถึง 23 ปี และไม่ค่อยได้พบกันบ่อยนัก (คล้ายกับ "การที่เสือสองตัวอยู่ในถ้ำเดียวกันไม่ได้") ในช่วงนี้ (1497-1500) เขาก็ได้สร้างประติมากรรมหินอ่อนอีกชิ้นหนึ่งที่มีชื่อว่า ปีเอตะ (Pietà) ซึ่งปัจจุบันอยู่ในวิหารเซนต์ปีเตอร์ (St. Peter's Basilica) ที่กรุงโรม
ตอนอายุได้ 30 ปี เขาได้ถูกเชิญให้กลับมาที่กรุงโรม เพื่อออกแบบหลุมฝังศพให้กับ พระสันตะปาปาจูเลียส ที่ 2 ซึ่งใช้เวลาประมาณ 40 ปี หลังจากแก้หลายครั้งหลายครา จนมาสำเร็จในปี 1545 ต่อมาในปี 1546 เขาเป็น
สถาปนิกคนสำคัญในการสร้างมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ที่กรุงโรม ที่มีความยิ่งใหญ่และงดงามเป็นอย่างมาก ซึ่งถือเป็นสถาปัตยกรรมชิ้นเอกของโลก โดยเฉพาะส่วนที่เป็นโดม
เขาใช้ชีวิตในบั้นปลายอยู่ในกรุงโรม ตลอด 30 ปี ช่วงนี้นั้นเองที่เขาเขียนภาพระดับโลกไว้มากมาย โดยเฉพาะ The Last Judgement (Last Judgment) ซึ่งเขาใช้เวลาในการเขียนภาพขนาดยักษ์นี้นานถึง 6 ปี
มีเกลันเจโล บัวนาร์โรตี เสียชีวิตลงเมื่ออายุได้ 90 ปี ซึ่งมีคำกล่าวจาก พระสันตะปาปาจูเลียสที่ 2 ว่า "ทรงยินดีบั่นทอนชีวิตของท่านลง เพื่อแลกกับชีวิตของ มิเกลันเจโล ให้ยืนยาวออกไปอีก"

renaissance art


The School of Athens
Raffaello Sanzio


David
Miclelangelo






Pietà
Michelangelo





The last supper
Leonarde da Vinci


Mona Lisa
Leonarde da Vinci

ศิลปะยุคพื้นฟูวิทยาการ


ศิลปกรรมตะวันตกสมัยฟื้นฟูศิลปะวิทยากร (Renaissance Art)
สมัยฟื้นฟูศิลปะวิทยากร เป็นช่วงสมัยที่สำคัญที่สุดสมัยหนึ่งของอารยธรรมตะวันตก มีจุดศูนย์กลางที่อิตาลีอยู่ระหว่างคริสตศตวรรษที่ 15-17 การฟื้นฟูศิลปะวิทยาการเป็นผลสะท้อนจากการย้อนกลับไปศึกษาศิลปะวิทยาการสมัยกรีกโรมันที่มีห่างจากสมัยดังกล่าวกว่า 1,000 กว่าปี จึงเรียกยุคสมัยนี้ว่า สมัยฟื้นฟูศิลปะวิทยากร หรือ เรอนาซอง (Renaissance) ลักษณะรูปแบบศิลปะสมัยเรอนาซองยังคงเป็นอีกแบบอผนหนึ่งที่ได้รับการสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน
สถาปัตยกรรม

ลักษณะจะเป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมโรมาเนสก์กับกอธิคอย่างเห็นได้ชัด เช่น สถาปัตยกรรมในวัดแห่งเมืองฟอเรนซ์ มีลักษณะเป็นโครงสร้างโดมโค้งบรรจบกันเป็นยอดโดมสูง
ประติมากรรม

ลักษณะรูปแบบประติมากรรมจะมุ่งเข้าสู่ลักษณะที่เหมือนจริง โดยประติมากรรมพยายามศึกษากายวิภาคศาสตร์อย่างแตกฉาน และให้ความเคารพหลักวิชาประติมากรรมโดยใช้ทฤษฎีการสร้างสรรค์ตามแนวทางของกรีก - โรมัน มีการเน้นลีลาท่าทางให้มีความงดงามและตอบสนองความรู้สึกที่ต้องการแสดงออกศิลปินได้ปรับเปลี่ยนเนื้อหาจากสมัยกรีก - โรมันที่เป็นภาพเทพในศาสนนิยายในยุคนั้น
จิตรกรรม

ลักษณะรูปแบบศิลปะที่สำคัญเป็นการพัฒนาผลงานสืบต่อจากปลายคริสตศตวรรษที่ 13 โดยศิลปินแต่ละคนได้พัฒนาผลงานของตนอย่างเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตนค่อนข้างเด่นชัด ทั้งในด้านการจัดภาพ เทคนิคการระบายสี การจัดการกับทัศนธาตุทางทัศนศิลป์อย่างมีคุณภาพยิ่งขึ้น จิตรกรที่สำคัญในสมัยนี้คือบอตติเชลลี จิตรกรในสกุลช่างฟอเรนซ์ที่มีความโดดเด่นในผลงานด้านการผสานโลกแห่งจินตนาการอันละเอียกอ่อน เพื่อสำแดงเรื่องราวที่ปรากฏในศาสนนิยายาและกวีนิพนธ์ บนพื้นฐานความถูกต้องตามหลักกายวิภาคได้อย่างลงตัว อาทิ ภาพการกำเนิดวีนัส หรือ The Birth of Venus ซึ่งเขาเขียนขึ้นด้วยสีฝุ่นบนผืนผ้าใบในปี ค.ศ. 1480